ความเคลื่อนไหว

ข่าวจากคณะกรรมการนโยบาย ส.ส.ท. : ผลงานของคณะกรรมการนโยบายในรอบปี (ตุลาคม 2567-2568)

ในรอบปีที่ผ่านมา คณะกรรมการนโยบาย ส.ส.ท. ได้ดำเนินภารกิจสำคัญเพื่อยกระดับการบริหารจัดการและตอบสนองต่อพันธกิจขององค์การ คณะกรรมการนโยบายชุดใหม่เข้ารับตำแหน่งในวันที่ 11 ตุลาคม 2567 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่วาระของผู้บริหารในขณะนั้นกำลังจะสิ้นสุดลงในอีก 9 เดือน ภารกิจของกรรมการนโยบายจึงมุ่งที่

  1. เร่งรัดผลงานที่จำเป็นต้องให้แล้วเสร็จในวาระของผู้บริหาร
  2. สะสางปัญหาคั่งค้างเพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อผู้บริหารชุดใหม่
  3. เตรียมกระบวนการสรรหาผู้อำนวยการ ส.ส.ท.คนใหม่
  4. จัดเตรียมกระบวนการเปลี่ยนผ่านผู้บริหารโดยจัดทำ transitional Plan เพื่อให้ทีมผู้บริหารใหม่สามารถเริ่มงานได้ทันที
  5. กำหนดนโยบายที่ชัดเจนเพื่อเป็นทิศทางชี้นำองค์กรในช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่าน

โดยมีผลการดำเนินงานที่สำคัญดังนี้

1. เร่งรัดภารกิจสำคัญ 9 ด้าน คณะกรรมการนโยบายได้เร่งรัดภารกิจสำคัญ 9 เรื่อง ที่ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นสุดวาระของทีมบริหาร ได้แก่

  • การปรับรายการข่าวให้มีความทันสมัยและเข้าถึงผู้ชมมากขึ้น
  • การปรับปรุงระบบจัดซื้อจัดจ้างให้มีประสิทธิภาพและโปร่งใส
  • การดำเนินมาตรการเพิ่มรายได้และลดค่าใช้จ่ายขององค์กร
  • การพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อเชื่อมโยงเนื้อหาและบริการ (Single Sign On)
  • การสร้าง Visibility ของ “ข่าวพลเมือง” ให้เป็นที่รับรู้ให้กว้างขวาง
  • เร่งรัดงานบริหารบุคลากรตามแผน People Transition Plan ให้เป็นไปตามเป้าหมาย
  • ปรับปรุงหน่วยสนับสนุนนโยบายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานนโยบาย
  • การทบทวนอัตลักษณ์และระบบแบรนด์ (Corporate Identity and Branding) ขององค์กร
  • การฟื้นฟูศูนย์สื่อสารภัยพิบัติให้พร้อมปฏิบัติการในภาวะวิกฤติ

ภารกิจต่าง ๆ เหล่านี้ไม่ได้สิ้นสุดลงพร้อมกับคณะผู้บริหารชุดเดิม แต่ยังดำเนินงานและพัฒนาต่อเนื่องในสมัยของผู้บริหารชุดใหม่

2. วางระบบการส่งมอบงานของทีมบริหาร คณะกรรมการได้กำหนดการจัดทำข้อมูลการส่งมอบงานให้ครบถ้วน ทั้งข้อมูลทรัพยากรองค์กร สินทรัพย์ สัญญาและข้อตกลงต่างๆ สถานะการเงิน ผลสำเร็จและปัญหาการดำเนินงานเพื่อสร้างความต่อเนื่องทางยุทธศาสตร์ที่ผู้บริหารชุดใหม่ต้องสานต่อในอนาคต รวมทั้งแผนการสื่อสารเพื่อให้การเปลี่ยนผ่านทีมบริหารเป็นไปอย่างราบรื่นและเกิดความต่อเนื่องของภารกิจหลักขององค์กร

3. จัดทำนโยบายการเปลี่ยนแปลงระยะ 2 ปี อย่างมีส่วนร่วม โดยเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นทั้งจากพนักงาน สภาผู้ชมและผู้ฟัง รวมถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ผ่านกระบวนการระดมความคิดเห็นและการประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) จนได้ข้อสรุปเป็น เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 12 ข้อ ที่มีความเป็นไปได้ สามารถวัดผลได้ และได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วน

เป้าหมายเชิงกลยุทธ์: เนื้อหาดีที่เข้าถึงได้ง่ายในทุกแพลตฟอร์ม

  1. ผลิตภัณฑ์ รายการและเนื้อหาทุกประเภทต้องสามารถนำไปใช้เผยแพร่ข้ามแพลตฟอร์ม (Multi-Platform Content and Product Integration) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  2. ใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างคุ้มค่า ทั้งด้านบุคลากร งบประมาณ เทคโนโลยีอย่างเต็มประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด
  3. สร้างสรรค์ “ผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น” (Hero Product) ในทุกประเภทเนื้อหา
  4. จัดทำคลังสื่อและรายการแบบดิจิทัล (Media Asset Management) ให้สามารถใช้ทรัพยากรร่วมกัน และเป็นสินทรัพย์ที่นำไปสู่การสร้างรายได้และเป็นประโยชน์สาธารณะ
  5. ผลิตเนื้อหาโดยยึดจรรยาบรรณของวิชาชีพและประโยชน์สาธารณะ (Public Interest and Editorial Integrity) เป็นอิสระ สร้างสรรค์และสมดุล
  6. เสริมสร้างรากฐานประชาธิปไตยและการใช้เหตุผลเพื่อประโยชน์สาธารณะ สร้างสรรค์วัฒนธรรมการรับฟังซึ่งกันและกัน และการไตร่ตรองร่วมกันอย่างมีเหตุผล
  7. นำเสนอเนื้อหาสามารถสร้างผลกระทบ (Impact) ปลุกพลังพลเมืองเพื่อการเปลี่ยนแปลงและร่วมกันแก้ปัญหาในทุกระดับ
  8. นำเสนอเนื้อหาที่ทันต่อสถานการณ์ (Responsiveness) ด้วยมุมมองที่น่าสนใจ ลุ่มลึก และเฝ้าติดตามนำเสนอความเคลื่อนไหวประเด็นต่าง ๆ เหล่านั้นอย่างเกาะติดต่อเนื่อง
  9. สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่สามารถแข่งขันได้ในระบบนิเวศสื่อปัจจุบัน มีจุดเด่นที่สะท้อนความคุ้มค่าของการลงทุนและพิสูจน์ถึงคุณค่าของสื่อสาธารณะ
  10. การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อประสิทธิภาพการบริหารจัดการองค์การ การผลิตและเผยแพร่เนื้อหาที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และลดต้นทุน
  11. การผลิตและเผยแพร่เนื้อหาอย่างมียุทธศาสตร์การสื่อสารและการตลาด มีกลยุทธ์ในการสร้างอัตลักษณ์ที่ชัดเจน เป็นที่จดจำได้ และสามารถสร้างความเชื่อถือไว้วางใจในฐานะสื่อสาธารณะได้
  12. การเผยแพร่เนื้อหาบนทุกแพลตฟอร์ม ต้องเปิดพื้นที่ให้กับการมีส่วนร่วมของผู้ชมและผู้ฟัง รวมถึงบทบาทของภาคพลเมืองในสัดส่วนที่เพียงพออย่างเหมาะสม

4. จัดกระบวนการสรรหาผู้อำนวยการ ส.ส.ท. อย่างโปร่งใสและเปิดกว้าง คณะกรรมการได้แต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาที่เป็นอิสระและได้รับความเชื่อถือ เพื่อดำเนินกระบวนการสรรหาภายใต้หลักธรรมาภิบาลและความโปร่งใส โดยมีผู้สมัครเข้าร่วมถึง 23 คน และมีการถ่ายทอดสดการแสดงวิสัยทัศน์ต่อสาธารณะ เพื่อให้แนวนโยบายของผู้บริหารกลายเป็น “สัญญาประชาคม” ที่ประชาชนร่วมตรวจสอบได้ นอกจากนี้ ยังได้เปิดโอกาสให้พนักงานเข้าร่วมสังเกตการณ์การสัมภาษณ์รอบสุดท้าย สะท้อนถึงการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ยึดหลักความโปร่งใสและการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง

5. สนับสนุนและเสริมบทบาทสภาผู้ชมและผู้ฟังให้มีพลังและความคล่องตัว คณะกรรมการได้จัดประชุมประจำปีของสภาผู้ชมและผู้ฟังแห่งประเทศไทย พร้อมทั้งลงพื้นที่ร่วมกิจกรรมกับเครือข่ายภูมิภาค
ทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมบทบาทของสภาในฐานะตัวแทนประชาชน พร้อมปรับปรุงระเบียบและกลไกการทำงาน เพื่อให้สมาชิกสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้โดยปราศจากอุปสรรค รวมทั้งผลักดันวาระหลักการสื่อสารของ
ไทยพีบีเอส ได้แก่ เรียนรู้สู้ภัยพิบัติ การรับมือผลกระทบจากภาวะโลกรวน และเรื่องสุขภาพจิตและสังคมแห่งการเยียวยา

6. กำหนดนโยบายการสื่อสารเพื่อสันติภาพในสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ได้ร่วมมือกับสื่ออิสระ นักข่าวพลเมือง สำนักข่าวในพื้นที่ และสถาบันทางวิชาการ เพื่อพัฒนากรอบนโยบายการสื่อสารที่เน้น
การลดความขัดแย้งและสร้างความเข้าใจร่วมในสังคม ถือเป็นการยกระดับบทบาทของสื่อสาธารณะในฐานะกลไกเพื่อสันติภาพที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม

7. วางหลักเกณฑ์และแนวทางใหม่ในการจัดทำและพิจารณาแผนบริหารกิจการ คณะกรรมการได้กำหนดกระบวนการพิจารณาแผนบริหารกิจการในรูปแบบใหม่ โดยให้มีการจัดทำ ทิศทางการพัฒนา เป้าหมายการเปลี่ยนแปลง และ Project Brief ก่อนลงรายละเอียดในขั้นตอนโครงการ โดยมีการทำงานร่วมกันระหว่างฝ่ายบริหาร อนุกรรมการลงทุน อนุกรรมการวิชาการ เพื่อให้การใช้ทรัพยากรและงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งทำให้กระบวนการจัดทำแผนมีประสิทธิภาพ ลดภาระและขั้นตอนที่ยุ่งยากในการพิจารณาแผนงาน รวมทั้งเตรียมพัฒนาเป็น “ระบบบริหารโครงการ (Project Management Operational Platform)” มาตรฐานขององค์กรในอนาคต

8. เสริมสร้างระบบความร่วมมือระหว่างคณะกรรมการนโยบายและคณะกรรมการบริหาร คณะกรรมการได้จัดให้มีการประชุมหารือร่วมกันอย่างสม่ำเสมอทุก 2 สัปดาห์ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและติดตามทิศทางการบริหารงานอย่างใกล้ชิด โดยเน้นการทำงานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ บนพื้นฐานของความรับผิดชอบร่วม (Accountability) และหลักธรรมาภิบาลที่เข้มแข็ง

9. เฝ้าระวังและให้ข้อเสนอแนะต่อการนำเสนอข่าวสารเพื่อลดความผิดพลาด รวมทั้งกำกับดูแลให้เกิดความเป็นอิสระทางสื่อ ไม่ให้การทำงานขององค์การตกอยู่ภายใต้อิทธิพลจากกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง (ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน) และเสนอแนะให้ความคิดเห็นต่อการปรับปรุงการผลิตเนื้อหาให้สอดคล้องกับภารกิจของสื่อสาธารณะที่ต้องสะท้อนความหลากหลายของสังคม เพื่อให้บริการแก่ประชาชนในทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม

10. ดำเนินงานในภารกิจของคณะกรรมการนโยบาย ทั้งด้านธรรมาภิบาล การตรวจสอบ การรับเรื่องร้องเรียน การติดตามประเมินผลการดำเนินงานและการจัดทำรายงานประจำปี รวมทั้งการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนต่างๆ ด้วยความเป็นธรรม โปร่งใส และยึดประโยชน์สาธารณะ คณะกรรมการได้ยึดมั่นในหลักการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน พิจารณาอย่างเป็นธรรม และดำเนินการด้วยความโปร่งใส เพื่อธำรงไว้ซึ่ง
ธรรมาภิบาลขององค์กรสื่อสาธารณะ และยืนยันบทบาทของคณะกรรมการในฐานะผู้คุ้มครองประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ