การสรรหา

หลักเกณฑ์การสรรหาและวิธีการคัดเลือก

ประกาศคณะกรรมการสรรหากรรมการนโยบาย องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 1/2565

เรื่อง หลักเกณฑ์การสรรหาและวิธีการคัดเลือกบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอรายชื่อเป็นกรรมการนโยบาย องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย


ด้วยกรรมการนโยบาย องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) ครบกำหนดวาระการดำรงตำแหน่ง ตามมาตรา 23 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 ทำให้ตำแหน่งกรรมการนโยบายว่างลง จำนวน 4 ตำแหน่ง คือ ด้านกิจการสื่อสารมวลชน 2 ตำแหน่ง ด้านการบริหารจัดการองค์กร 1 ตำแหน่ง และด้านการส่งเสริมประชาธิปไตย การพัฒนาชุมชนหรือท้องถิ่น การเรียนรู้และศึกษา การคุ้มครองและพัฒนาเด็ก เยาวชนหรือครอบครัว หรือการส่งเสริมสิทธิของผู้ด้อยโอกาสทางสังคม 1 ตำแหน่ง เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการสรรหากรรมการนโยบายในการคัดเลือกบุคคลที่สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการนโยบายเป็นไปด้วยความเรียบร้อยโปร่งใส และความเป็นธรรมในการสรรหา

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 16 วรรคหก แห่งพระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 จึงออกประกาศหลักเกณฑ์การสรรหาและวิธีการคัดเลือกบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอรายชื่อเป็นกรรมการนโยบาย องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 บุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการนโยบายองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ตามประกาศนี้ ผู้สมัครหรือผู้ได้รับการเสนอชื่อจะต้องเป็นผู้มีความรู้หรือความเชี่ยวชาญตามมาตรา ๑๗ และต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 กรณีเสนอชื่อบุคคลเพื่อขอรับการสรรหาจะต้องได้รับการยินยอมจากผู้ได้รับการเสนอชื่อ

ข้อ 2 คณะกรรมการสรรหาจัดให้มีการประกาศรับสมัครและการเสนอชื่อบุคคลเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 30 วัน โดยผ่านทางสื่อมวลชนตามที่เห็นสมควร และเว็บไซต์ไทยพีบีเอส โดยระบุสาระสำคัญและกำหนดระยะเวลาการรับสมัคร

ข้อ 3 คณะกรรมการสรรหาจะตรวจสอบความรู้หรือความเชี่ยวชาญตามมาตรา 17 และคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครหรือผู้ได้รับการเสนอชื่อ โดยพิจารณากลั่นกรองคุณสมบัติจากเอกสารและหลักฐานตามที่กำหนดไว้ตามมาตรา 17 และมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 โดยจะประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามตามวัน เวลาที่คณะกรรมการสรรหากำหนด

ข้อ 4 ให้คณะกรรมการสรรหา พิจารณาเปรียบเทียบคุณสมบัติของผู้สมัครหรือผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อ ตามที่ผู้สมัครหรือผู้ได้รับการเสนอชื่อได้ระบุความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน โดยคำนึงถึงความรู้ความเชี่ยวชาญ หรือประสบการณ์ ตลอดจนผลงานอันเป็นที่ประจักษ์และวิสัยทัศน์ของผู้สมัครหรือผู้ได้รับการเสนอชื่อที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ขององค์การตามที่กำหนดไว้มาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 แล้วให้คัดเลือกรายชื่อผู้ที่เหมาะสมจำนวนไม่น้อยกว่าสองเท่าของตำแหน่งที่จะต้องแต่งตั้งในแต่ละด้าน ก่อนจะประกาศรายชื่อผู้ที่เหมาะสมดังกล่าว

ข้อ 5 ผู้สมัครหรือผู้ได้รับการเสนอชื่อที่ผ่านหลักเกณฑ์ตามข้อ 3 และข้อ 4 ต้องแสดงตนและแสดงวิสัยทัศน์ด้วยวาจาต่อที่ประชุมคณะกรรมการสรรหา โดยใช้การเรียงลำดับชื่อตามตัวอักษร ตามวัน เวลาที่ คณะกรรมการสรรหากำหนด ณ องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ซึ่งผู้สมัครหรือผู้ได้รับการเสนอชื่อต้องดำเนินการ ดังนี้

(1)  แนะนำตนเอง พร้อมกับแสดงให้เห็นว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ ความเข้าใจและมีความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์ในด้านหนึ่งด้านใดที่เกี่ยวข้องกับด้านการบริหารจัดการองค์กร ด้านกิจการสื่อสารมวลชน ด้านการส่งเสริมประชาธิปไตย การพัฒนาชุมชนหรือท้องถิ่น การเรียนรู้และศึกษาการคุ้มครองและพัฒนาเด็ก เยาวชนหรือครอบครัว หรือการส่งเสริมสิทธิของผู้ด้อยโอกาสทางสังคม แล้วแต่กรณี

(2) แสดงวิสัยทัศน์ในเรื่องนโยบาย เป้าหมาย และแนวทางการใช้อำนาจหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 7 และมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ขององค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยและเพื่อประเทศชาติโดยรวม

(3) ให้ผู้สมัครหรือผู้ได้รับการเสนอชื่อแต่ละคนใช้เวลาในการชี้แจงและแสดงวิสัยทัศน์และตอบคำถามคณะกรรมการสรรหา ไม่เกิน 15 นาที ทั้งนี้ ในการแสดงวิสัยทัศน์และตอบคำถามด้วยวาจาเท่านั้นและไม่อนุญาตให้ใช้สื่อและเอกสารใดๆ ประกอบ

(4) ผู้สมัครหรือผู้ได้รับการเสนอชื่อที่ไม่สามารถแสดงตนเพื่อแสดงวิสัยทัศน์ต่อคณะกรรมการสรรหา ในวัน เวลา และสถานที่ตามที่คณะกรรมการสรรหากำหนด ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม ถือว่าผู้สมัครหรือผู้ได้รับการเสนอชื่อนั้นสละสิทธิ์การขอรับการเสนอชื่อเป็นคณะกรรมการนโยบาย

ข้อ 6 คณะกรรมการสรรหา จะคัดเลือกผู้สมัครหรือผู้ได้รับการเสนอชื่อที่ได้แสดงตนและวิสัยทัศน์ตามข้อ 5 ให้เหลือสี่คนโดยวิธีลงคะแนน

ข้อ 7 การลงคะแนนเสียงตามข้อ 6 กรรมการสรรหาแต่ละคนสามารถออกเสียงได้ไม่เกินจำนวนตำแหน่งที่ต้องการแต่งตั้ง และผู้ที่จะได้รับการคัดเลือกจะต้องได้รับคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของคณะกรรมการสรรหาทั้งคณะ

ข้อ 8 กรณีที่จำนวนผู้ที่ได้รับการคัดเลือกมีจำนวนไม่ครบตามตำแหน่งที่ต้องการ ให้นำรายชื่อผู้ที่ไม่ได้รับการคัดเลือกตามข้อ 6 เรียงตามลำดับคะแนนเสียงจากคะแนนสูงสุดลงไปเป็นจำนวนสองเท่าของจำนวนตำแหน่งที่ยังขาดอยู่ มาลงคะแนนตามวิธีการที่กำหนดไว้ในข้อ 6 และข้อ 7 จนกว่าจะได้จำนวนครบตามที่ต้องการ

ในกรณีผู้ได้รับการคัดเลือกแต่ละด้านมีคะแนนเสียงเท่ากันมากกว่าหนึ่งชื่อ เป็นเหตุให้เกินจำนวนที่ต้องการ คณะกรรมการสรรหาจะนำรายชื่อผู้มีคะแนนเสียงเท่ากันทั้งหมดนั้นมาลงคะแนนโดยใช้วิธีการเช่นเดียวกับวรรคหนึ่ง

การดำเนินการตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง หากผลการลงคะแนนเสียงไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามที่กำหนดในข้อ 9 ถึง 3 ครั้งต่อตำแหน่งที่ว่าง ให้ใช้วิธีการนับคะแนนเสียงข้างมากเป็นหลัก

ข้อ 9 กรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามประกาศนี้ ให้คณะกรรมการสรรหาเป็นผู้วินิจฉัยและต้องมีมติไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของคณะกรรมการสรรหาทั้งคณะ และคำวินิจฉัยของคณะกรรมการสรรหาให้ถือเป็นที่สุด


เอกสารเกี่ยวข้อง

  • ประกาศคณะกรรมการสรรหากรรมการนโยบาย องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 1/2565 (ดาวน์โหลด)
  • พระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ดาวน์โหลด)