ความเคลื่อนไหว

ร่วมกิจกรรมสืบสานประเพณีสงกรานต์ 2565 กรรมการนโยบาย ส.ส.ท. ชื่นชมการทำงานภาวะวิกฤต

ในโอกาสขึ้นปีใหม่ของไทย (สงกรานต์) 2565 สำนักทรัพยากรมนุษย์ได้ขอสัมภาษณ์ รศ. ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ประธานกรรมการนโยบาย ส.ส.ท. เกี่ยวกับการทำงานของไทยพีบีเอสในสถานการณ์โรคระบาด โควิด-19 และขอคำอวยพรให้แก่ผู้บริหารและพนักงานไทยพีบีเอส

เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2565 ส.ส.ท. จัดงาน “รวมใจสืบสานประเพณีสงกรานต์” โดยจัดกิจกรรม Family Day 2022 ร่วมทำบุญ ตักบาตร ถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์ 9 รูป และบริจาคของใช้ให้กับชุมชนในพื้นที่รอบสำนักงาน ส.ส.ท. หลังจากนั้นผู้อำนวยการ ส.ส.ท. มอบพวงมาลัย และตัวแทนของแต่ละสำนักได้ร่วมกิจกรรม (โดยวิธี Online) ใน พิธีสรงน้ำพระพุทธ และรดน้ำดำหัวกรรมการนโยบาย โดยได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์ประธานกรรมการนโยบายเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้บริหารและพนักงานตลอดงาน


บทสัมภาษณ์ประธานกรรมการนโยบาย ส.ส.ท.

  • ถาม : มองวิกฤติโควิด-19 ที่มีต่อคนไทยพีบีเอสอย่างไร?

โดยปกติคนทำสื่อไม่กลัววิกฤต โดยเฉพาะคนไทยพีบีเอสไม่กลัววิกฤตแต่มองว่าเป็นเวลาที่จะต้องปฏิบัติหน้าที่และเป็นโอกาสที่จะได้ช่วยสังคม สังเกตดูไหมครับ ทุกครั้งที่บ้านเมืองเกิดวิกฤตการณ์ คนจะหันมาตรวจสอบข่าว ตรวจสอบความจริง โดยดูไทยพีบีเอสกันมาก สะท้อนว่าในยามวิกฤตคนไทยพีบีเอสทำงานได้ดีมาก ข้อมูลที่นำเสนอเชื่อถือได้ จึงน่าจะเป็นแบบอย่างที่ยามปกติที่ไม่วิกฤต คนไทยทีบีเอสก็ต้องทำงาน ประสานงาน เอาจริงเอาจังให้เกิดผลงานเหมือนกับยามวิกฤต

แต่วิกฤตโควิด-19 ครั้งนี้มันยาวนานมากกว่า 2 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา และเป็นวิกฤตที่ส่งผลกระทบต่อทุกคนเป็นวงกว้าง รวมถึง คนไทยพีบีเอสด้วย คนทำงานก็เหนื่อยล้า ต้องปฎิบัติหน้าที่พร้อมระวังตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายข่าว นักข่าวภาคสนาม ช่างกล้อง ฝ่ายสร้างสรรค์ รายการ และหน่วยงานอื่น ๆ ต้องเตรียมพร้อมรับเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้น

ฝ่ายบริหารได้วางแผนอย่างดีโดยแบ่งกำลัง แยกตั้งหน่วยบรรณาธิการและผู้ผลิตข่าว รายการ เตรียมรับมือว่าถ้าเกิดโควิด-19 ระบาดถึงไทยพีบีเอส ประชาชนยังคงจะต้องได้รับข่าวสารและข้อมูลต่อไป เจ้าหน้าที่ของเราจึงต้องยกกำลังไปเตรียมพร้อมอยู่ต่างสถานที่ ไม่ต้องพบ สัมผัสกับทีม ที่ทำงานในไทยพีบีเอส

ขณะเดียวกันเมื่อเจ้าหน้าที่ของเราบางคนติดโควิด-19 ก็จะต้องถูกกักตัวแยกตัวออกไป คนที่อยู่ก็ต้องรับหน้าที่ทำงานหนักมากขึ้น คนทำงานภาคสนาม ยังคงต้องไปสัมภาษณ์ ต้องติดตามแหล่งข่าว ต้องไปถ่ายทำ คนพวกนี้ก็จะต้องมีความเสี่ยง แม้จะเดินทางไปหลายคนในยานพาหนะเดียวกัน ก็จะต้องปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันการติดโรคระบาด

ผมคิดว่าทั้งหมดนี้มันสร้างความยุ่งยากให้กับคนไทยพีบีเอส แต่เท่าที่สังเกตดูเจ้าหน้าที่ของเราก็ทำงานได้ดี ทุ่มเทค้นคว้าและให้ความรู้เรื่อง โรคอุบัติใหม่ในครั้งนี้แก่สังคมอย่างดี ล้มผังรายการปกติและสร้างรายการใหม่ ยิ่งกว่านั้นนอกจากจะให้ข้อมูลข่าวสารกระตุ้นให้ประชาชน เห็นประโยชน์ของวัคซีนแล้ว ยังได้กันพื้นที่บางส่วนของไทยพีบีเอส บุคลากรและงบประมาณ มาเป็นสถานที่ฉีดวัคซีนให้กับประชาชนอีกด้วย

แต่อย่างไรก็ตาม ในที่สุดก็มีคนไทยพีบีเอสติดโควิด-19 เพราะเราต้องทำงานภาคสนาม ไม่ได้เก็บตัวอยู่ในสำนักงานหรืออยู่กับบ้าน เจ้าหน้าที่ของเรา นับถึงวันนี้ (31 มีนาคม 2565) ติดโควิด-19ไปแล้วรวม 123 คน หายแล้ว 88 คน แสดงว่าขณะนี้ยังถูกกักตัวและดูแลรักษาตัวอยู่อีก 35 คน

นับว่าเป็นเรื่องน่าเห็นใจ เพราะเมื่อสอบถามไปก็พบว่าบิดาหรือมารดาของพนักงานบางคนก็ติดโควิด-19 และเสียชีวิตไปทั้งหมด 3 คน ซึ่งเป็นเรื่อง เศร้าใจที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น


  • ถาม : วิกฤติโควิด-19 ในครั้งนี้ได้สร้างโอกาสอะไรให้กับพวกเราบ้าง

ผมคิดว่าทุกวิกฤตมีโอกาส มองในมุมดี จะเห็นว่าคนไทยพีบีเอสได้เรียนรู้ที่จะทำงานประสาน ประชุมจากต่างพื้นที่โดยใช้เทคโนโลยีมากขึ้น การ Uplink Downlink การสัมภาษณ์ การจัดรายการ การส่งเทป การส่งข้อมูล แทนที่จะต้องมาด้วยตัวเองก็มาทางระบบอินเทอร์เน็ตได้คล่องตัวมากขึ้น ได้พัฒนาตัวของเราเองมากขึ้น

อยากจะให้มองความจริงข้อหนึ่งคือ เราโชคดีกว่าคนจำนวนมากในประเทศไทย เพราะโควิด-19 ส่งผลร้ายให้คนตกงานจำนวนมาก เจ้าของผู้ผลิต สินค้าหรือบริการ ผู้ประกอบการหลายแห่งต้องปิดตัว การจ้างงานก็ลดลง คนตกงาน ไม่มีงานทำ ขาดรายได้จำนวนไม่น้อย แต่คนไทยพีบีเอสยังมีรายได้ มีงานทำ ยังดีกว่าคนอื่น ๆ มาก

มองอย่างนี้ คนไทยพีบีเอสยิ่งจะต้องมุมานะทำงานให้หนักขึ้น เพราะเปรียบเทียบกับคนในสังคมแล้ว เรายังดีกว่าเขาเยอะมาก เพราะฉะนั้น จึงอยากจะให้มองความเป็นจริง ทั้งในแง่ไม่ดีและในแง่ดี พวกเราจึงต้องทำงานหนักต่อไป เพราะโควิด-19 ยังไม่หมดไปจากสังคม

ในอนาคตผมอยากจะให้เราลองจินตนาการในแง่ร้ายเผื่อไว้สักนิดว่าถ้าเกิดโควิด-19 ยังไม่หมด คนตกงานมาก จะมีอาชญากรรมโจรผู้ร้ายมากขึ้น วิกฤติเศรษฐกิจอาจลามไปถึงวิกฤตทางสังคมและการเมืองอีกด้วย เพราะฉะนั้นเราก็ต้องเตรียมพร้อมที่จะเหนื่อยกันต่อไป เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์นั้น ไทยพีบีเอสก็จะต้องให้ข่าวสารข้อมูล ให้ความรู้ เพื่อให้คนไทยแต่ละคนสามารถอยู่รอดและอยู่อย่างดีที่สุด ผมว่าประเด็นเหล่านี้ก็ต้อง มองการณ์เผื่อไว้ไปข้างหน้าด้วย


  • ถาม : อยากขอให้ท่านประธานฯ อวยพรเนื่องในวันสงกรานต์ ปีใหม่ของพวกเรา

ในโอกาสที่เรากำลังจะขึ้นศักราชใหม่สงกรานต์ปี 65 ผมเชื่อในกฏแห่งกรรม จึงขอให้กรรมดี คุณความดีและความตั้งใจดีที่พวกเรามี และที่เราได้ทำมา ส่งผลให้พวกเราประสบความสำเร็จตามที่ปรารถนาทุกประการ และขอให้ทุกคน “อยู่เย็น เป็นสุข”

ผมชอบคำว่า “อยู่เย็น” ซึ่งตรงข้ามกับ “อยู่ร้อน” เพราะถ้าอยู่ร้อนจะนอนทุกข์ แต่ถ้าอยู่เย็นก็เป็นสุข และถ้าเราตั้งใจสร้างกรรมดี ตั้งใจที่จะสร้างประโยชน์ให้กับสังคมต่อไป ผมเชื่อว่าในปีใหม่นี้ ครอบครัวของพวกเราจะมีความสุขความเจริญ เราจะมีความสุขกับการทำงานและมีความสุข ที่จะได้สร้างสรรค์ให้คนไทยได้รับข่าวสารข้อมูล ได้รับความรู้

ไทยพีบีเอสจะเป็นโรงเรียนของสังคมเพื่อการเปลี่ยนแปลง ในทางที่ดีขึ้นของสังคมไทยและของตัวพวกเราทุกคน ต่อไป