ความเคลื่อนไหว

ประกาศสรรหากรรมการนโยบาย ส.ส.ท. เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างจำนวน 4 ตำแหน่ง ตั้งแต่ 6 มิ.ย.–5 ก.ค. 65

ด้วยกรรมการนโยบาย องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) ว่างลงเนื่องจากครบวาระ จำนวน 4 ตำแหน่ง

  • ด้านกิจการสื่อสารมวลชน 2 ตำแหน่ง
  • ด้านการบริหารจัดการองค์กร 1 ตำแหน่ง
  • ด้านการส่งเสริมประชาธิปไตย การพัฒนาชุมชนหรือท้องถิ่น การเรียนรู้และศึกษา การคุ้มครองและพัฒนา เด็กเยาวชนหรือครอบครัว หรือการส่งเสริมสิทธิของผู้ด้อยโอกาสทางสังคม 1 ตำแหน่ง

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ.2551 คณะกรรมการสรรหากรรมการนโยบาย องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย จึงออกประกาศดังต่อไปนี้

คุณสมบัติของผู้ที่จะเข้ารับการสรรหาเป็นกรรมการนโยบาย

  1. เป็นผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งเป็นบุคคลผู้มีความรู้ ประสบการณ์ และเป็นผู้ที่มีผลงานหรือเคยปฏิบัติงานที่แสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้มีความรู้หรือความเชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่ง ดังต่อไปนี้
    (1) ด้านกิจการสื่อสารมวลชน
    (2) ด้านบริหารจัดการองค์กร
    (3) ด้านการส่งเสริมประชาธิปไตย การพัฒนาชุมชนหรือท้องถิ่น การเรียนรู้และการศึกษา การคุ้มครองและพัฒนาเด็กเยาวชนหรือครอบครัว หรือการส่งเสริมสิทธิของผู้ด้อยโอกาสทางสังคม
  2. เป็นผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังนี้
    (1) มีสัญชาติไทย
    (2) มีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปีบริบูรณ์
    (3) สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ด้วยความเป็นอิสระ เป็นกลาง และสุจริต
    (4) ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความ สามารถ
    (5) ไม่เป็นบุคคลที่เคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกตั้งแต่สองปีขึ้นไปโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึงห้าปีในวันที่ได้รับการเสนอชื่อ เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท
    (6) ไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ เพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงหรือถือว่ากระทำการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ
    (7) ไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากงาน เพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตและประพฤติมิชอบในการปฏิบัติงาน
    (8) ไม่เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติหรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ

การสมัคร

  1. กรณีสมัครด้วยตนเอง ผู้สนใจสามารถขอรับใบสมัครจากองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย หรือใช้แบบใบสมัครที่ได้จาก www.thaipbs.or.th/BOGSelection และให้ผู้สนใจยื่นใบสมัครด้วยตนเอง หรือทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ภายในกำหนดวันและเวลารับสมัคร ผู้ที่ยื่นใบสมัครภายหลังวันที่ได้กำหนดไว้ จะไม่ได้รับการพิจารณา
  2. กรณีเสนอชื่อบุคคลเพื่อขอรับการสรรหา ผู้เสนอชื่อสามารถขอรับใบคำขอเสนอชื่อจากองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย หรือใช้แบบใบคำขอเสนอชื่อที่ได้จาก www.thaipbs.or.th/BOGSelection  และให้ผู้เสนอชื่อหรือผู้รับมอบอำนาจยื่นด้วยตนเอง หรือส่งไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ภายในกำหนดวันและเวลารับสมัคร ผู้ที่ยื่นใบคำขอเสนอชื่อภายหลังวันและเวลาที่กำหนดไว้ให้ถือว่าสิ้นผล
  3. คณะกรรมการสรรหา จะประกาศรายชื่อผู้สมัครหรือผู้ได้รับการเสนอชื่อที่ผ่านการพิจารณาตามหลักเกณฑ์การสรรหาฯ ฉบับที่ 1/2565 ลงวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2565 ทาง www.thaipbs.or.th/BOGSelection ในวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2565 ซึ่งผู้ผ่านการพิจารณาจะต้องแสดงตนและวิสัยทัศน์ด้วยวาจาต่อที่ประชุมคณะกรรมการสรรหา ในวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2565 หรือ ตามกำหนดวัน เวลา และสถานที่ตามที่คณะกรรมการสรรหาจะแจ้งให้ทราบ

วัน เวลา และสถานที่ยื่นใบสมัครหรือใบเสนอชื่อ

  1. การยื่นด้วยตนเองยื่นใบสมัครหรือใบคำขอเสนอชื่อได้ ตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2565 ถึงวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 เวลา 09.00 – 18.00 น. (ทุกวัน เว้นวันหยุดราชการ) ณ องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย สำนักงานผู้อำนวยการ ส.ส.ท. ชั้น 4 อาคารอำนวยการ  [แผนที่]
  2. ยื่นใบสมัครหรือใบคำขอเสนอชื่อทางไปรษณีย์ส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ประทับตราไปรษณีย์ภายในวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 โดยจ่าหน้าซองถึง “ประธานกรรมการสรรหากรรมการนโยบาย องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย เลขที่ 145 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210”

หมายเหตุ : หลังจากยื่นใบสมัครหรือใบคำขอเสนอชื่อทางไปรษณีย์เรียบร้อยแล้ว ต้องส่งข้อมูลหลักฐานการสมัครทั้งหมดและหลักฐานการส่งไปรษณีย์ มายัง Email : BOGSelection@thaipbs.or.th โดยให้แนบเอกสารในรูปแบบไฟล์ (PDF) โดยให้ส่งภายในวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 สำหรับใบสมัครหรือใบคำขอเสนอชื่อที่ยื่นเกินกำหนดระยะเวลาตามข้อนี้ให้ถือว่าสิ้นผล

เอกสารหลักฐานที่ต้องยื่นในการสมัครหรือเสนอชื่อ

กรณีสมัครด้วยตนเอง

  1. ใบสมัครหรือใบคำขอเสนอชื่อ (ดาวน์โหลด) ที่กรอกรายละเอียดครบถ้วน พร้อมติดรูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวกและไม่ใส่แว่นตาดำ ขนาด 2 นิ้ว (ถ่ายไม่เกิน 1 ปีนับถึงวันสมัคร) จำนวน 1 ชุด
  2. สำเนาบัตรประจำตัวข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบัตรประจำตัว ประชาชน จำนวน 2 ชุด
  3. สำเนาทะเบียนบ้าน จำนวน 1 ชุด
  4. สำเนาวุฒิการศึกษา จำนวน 1 ชุด
  5. หลักฐานแสดงถึงความรู้ประสบการณ์ความเชี่ยวชาญและสาขาอาชีพ จำนวน 1 ชุด
  6. เอกสารแสดงวิสัยทัศน์ของผู้สมัครหรือผู้ได้รับการเสนอชื่อ ไม่เกิน 5 หน้า จำนวน 1 ชุด
  7. แบบตรวจสอบหลักฐานที่ต้องแนบพร้อมใบสมัคร (ดาวน์โหลด) จำนวน 1 ชุด

กรณีเสนอชื่อบุคคลเพื่อขอรับการสรรหา

  1. ใบสมัครหรือใบคำขอเสนอชื่อ (ดาวน์โหลด) ที่กรอกรายละเอียดครบถ้วน พร้อมติดรูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวกและไม่ใส่แว่นตาดำ ขนาด 2 นิ้ว (ถ่ายไม่เกิน 1 ปีนับถึงวันสมัคร) จำนวน 1 ชุด
  2. สำเนาบัตรประจำตัวข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบัตรประจำตัว ประชาชน จำนวน 2 ชุด
  3. สำเนาทะเบียนบ้าน จำนวน 1 ชุด
  4. สำเนาวุฒิการศึกษา จำนวน 1 ชุด
  5. หลักฐานแสดงถึงความรู้ประสบการณ์ความเชี่ยวชาญและสาขาอาชีพ จำนวน 1 ชุด
  6. เอกสารแสดงวิสัยทัศน์ของผู้สมัครหรือผู้ได้รับการเสนอชื่อ ไม่เกิน 5 หน้า จำนวน 1 ชุด
  7. แบบตรวจสอบหลักฐานที่ต้องแนบพร้อมใบสมัคร (ดาวน์โหลด) จำนวน 1 ชุด
  8. หนังสือยินยอมของผู้ได้รับการเสนอชื่อ กรณีของการเสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหา จำนวน 1 ชุด (ดาวน์โหลด)

เงื่อนไข

  1. ผู้สมัครหรือผู้เสนอชื่อบุคคลเพื่อเข้ารับการสรรหา ต้องรับผิดชอบในการตรวจสอบและรับรองเอกสารหลักฐานให้ถูกต้องครบถ้วนตามจำนวนที่กำหนดในวันยื่นใบสมัครหรือเสนอชื่อ
  2. ในกรณีที่ปรากฏว่าผู้สมัครหรือผู้ได้รับการเสนอชื่อรายใดแสดงเอกสารหลักฐาน คุณสมบัติ อย่างใดไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง ผู้สมัครหรือผู้ได้รับการเสนอชื่อรายนั้นไม่มีสิทธิเข้ารับการพิจารณาคัดเลือก
  3. เอกสารในการสมัครคณะกรรมการสรรหาจะไม่ส่งคืน

ลักษณะต้องห้าม

ผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการนโยบายต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดในมาตรา 21 และมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 ดังนั้น หากผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการนโยบายได้รับการคัดเลือกเป็นกรรมการนโยบายแล้ว ผู้นั้นต้องลาออกจากการที่เป็นบุคคลซึ่งมีลักษณะต้องห้ามหรือแสดงหลักฐานให้เป็นที่เชื่อได้ว่าตนได้เลิกประกอบอาชีพหรือวิชาชีพหรือการใดๆ อันมีลักษณะต้องห้ามนั้น นับตั้งแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกรัฐมนตรี

  1. ลักษณะต้องห้ามในขณะดำรงตำแหน่งตามที่กฎหมายกำหนดได้แก่
    (1) เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ พนักงานหรือลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ เว้นแต่อาจารย์ผู้สอนในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ
    (2) เป็นผู้ดำรงตำแหน่งในทางการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหาร ท้องถิ่น กรรมการ หรือผู้ดำรงตำแหน่งที่รับผิดชอบในการบริหารพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ในพรรคการเมือง
    (3) เป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นของรัฐ
    (4) เป็นหุ้นส่วน กรรมการ พนักงานในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ หรือกิจการโทรคมนาคม หรือในห้างหุ้นส่วนบริษัทที่ประกอบกิจการเป็นผู้ผลิตรายการให้องค์การ
  2. ต้องไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในกิจการที่กระทำกับองค์การ หรือในกิจการที่เป็นการแข่งขันกับกิจการขององค์การ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม เว้นแต่การเข้าบริหารหรือเข้าร่วมดำเนินกิจการร่วมทุนกับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นตามที่คณะกรรมการนโยบายมอบหมาย

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

โทรศัพท์ : 0-2790-2000 ต่อ 2142, 2147
ทุกวันจันทร์ – วันศุกร์  เวลา 09.00 – 18.00 น. (เว้นวันหยุดราชการ)
Email : BOGSelection@thaipbs.or.th

ดาวน์โหลดเอกสาร